วันเสาร์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2561

การเรียนการสอนครั้งที่ 3

วันอังคาร ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ.2561

    การเรียนการสอนวันนี้ตื่นเต้นแต่เช้าเลยทีเดียว เพราะคราวที่แล้วอ.บาสบอกว่าจะทำการเรียนการสอนเวลา 9.00น. แต่มาวันนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไป เมื่อมีไลน์อ.เด้งเข้ามาในกลุ่มไลน์ ดังภาพต่อไปนี้


    เมื่อหนูถึงห้องเวลา 9.20น. โดยประมาณอ.บาสก็ได้แจกใบเช็คชื่อแบบใหม่ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น (เหตุผลที่ได้เสือแดง เพราะขึ้นสายนิดเดียวเองค่ะ 😂)


    ต่อมาอ.บาสก็ได้เริ่มเข้าสู่เนื้อหาการเรียนการสอนในครั้งนี้ นั่นก็คือ...

บทที่ 2
สื่อการเรียนรู้สำหรับเด็กปฐมวัย



ความหมายและความสำคัญของสื่อ
    สื่อ หมายถึง สิ่งต่างๆ ที่เป็นตัวกลางที่ผู้เลี้ยงดูเด็กนำมาช่วยในการถ่ายทอดความรู้ ประสบการณ์ ทัศนคติ ค่านิยมหรือทักษะที่ตนมีไปสู้เด็กได้อย่างมีประสิทธิภาพและเด็กเกิดการเรียนรู้ตามจุดประสงค์ หรือจุดมุ่งหมายได้ดีที่ดุด

สื่อการเรียนรู้
    ชอร์ส เครื่องมือที่ช่วยสื่อความหมายจัดขึ้นโดยครูและนักเรียน เพื่อส่งเสริม การเรียนรู้ เครื่องมือการสอนทุกชนิดจัดเป็นสื่อการสอน เช่นหนังสือในห้องสมุด โสตทัศนวัสดุต่าง ๆ เช่น โทรทัศน์วิทยุสไลด์ฟิล์มสตริป รูปภาพ แผนที่ของจริง และทรัพยากรจากแหล่งชุมชน
    ชัยยงค์ พรหมวงศ์ สื่อการสอนว่า วัสดุอุปกรณ์และวิธีการประกอบการสอนเพื่อใช้เป็นสื่อกลางในการสื่อความหมายที่ผู้สอนประสงค์จะส่ง หรือถ่ายทอดไปยังผู้เรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ


ความสำคัญของสื่อ
    😻 เป็นเครื่องมือส่งเสริมเด็กให้กล้าแสดงออกและเกิดการเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ
    😻 เป็นตัวกลางในการถ่ายทอดความรู้ ประสบการณ์เครื่องมือเร้าความสนใจของเด็ก ให้ติดตามเรื่องราวด้วยความสนใจและไม่เกิดความรู้สึกว่าเป็น “การเรียน”
    😻 เป็นเครื่องมือทำสิ่งที่เป็นนามธรรมให้เป็นรูปธรรม และได้เรียนรู้ได้รับประสบการณ์ตรงทำให้จดจำได้นาน
    😻 สื่อเป็นสิ่งที่จะช่วยให้เด็กได้รับประสบการณ์ตรงที่เป็นรูปธรรมมากที่สุดสื่อจะช่วยทำให้สิ่งที่เป็นนามธรรมที่เด็กเข้าใจยาก มาสู่รูปธรรมที่เข้าใจได้ง่ายขึ้น สื่อจะช่วยให้เรียนได้อย่างสนุกสนานเพลิดเพลิน รวดเร็ว และจำได้แม่นยำ


การเลือกสื่อ
     😻 เพลง
     😻 เครื่องดนตรีเครื่องดนตรีที่ใช้มือเล่นทั้งสองข้าง
     😻 หนังสือ


ประเภทของสื่อการเรียนสำหรับเด็กปฐมวัย
แหล่งเรียนรู้สำหรับเด็กปฐมวัยเป็น 2 ลักษณะ
      1. สื่อและแหล่งเรียนรู้ภายในห้องเรียน
      2. สื่อและแหล่งเรียนรู้ภายนอกห้องเรียน สภาพแวดล้อมต่าง

ดร.ชัยวงศ์ พรหมวงศ์ นักเทคโนโลยีทางการศึกษา ได้แบ่งสื่อการสอนออกเป็น 3 ประเภท คือ
    1. สื่อการสอนประเภทวัสดุ หมายถึง สิ่งช่วยสอนที่มีการสิ้นเปลือง เช่น ชอล์ก ฟิล์ม ภาพถ่าย ภาพยนตร์ สไสด์ เป็นต้น
    2. สื่อการสอนประเภทอุปกรณ์ หมายถึง สิ่งช่วยสอนที่เป็นเครื่องมือ ซึ่งได้แก่ เครื่องเสียง เช่น เครื่องรับวิทยุและเครื่องเล่นเทปบันทึกเสียง กับอุปกรณ์ที่ไม่ใช่ทั้งเครื่องเสียงและเครื่องฉาย เช่น กระดานดำ ม้าหมุน และกระดานหก
    3. สื่อการสอนประเภทวิธีการ หรือกระบวนการ ได้แก่ การจัดระบบการสาธิต การทดลอง เกม และกิจกรรมต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกิจกรรมที่ครูจัดทำขึ้นแต่มุ่งให้นักเรียนเข้ามีส่วนในการปฏิบัติ เช่น การเล่นบทบาทสมมติ การจัดสถานการณ์จำลอง และการจัดศูนย์การเรียน เป็นต้น
    แม้ว่าสื่อทั้ง 3 ประเภทจะเป็นสื่อการสอนที่ช่วยให้เกิดการถ่ายทอดความรู้ ประสบการณ์ ทัศนคติ ค่านิยม ที่ครูมีไปสู่ เด็กได้ แต่การใช้สื่อเหล่านี้กับเด็กปฐมวัยให้ได้ประโยชน์อย่างมีประสิทธิภาพนั้น ต้องเลือกให้เหมาะสมกับจุดมุ่งหมายและเนื้อหาสาระของการสอน ที่สำคัญที่สุด คือ ต้องให้เหมาะกับลักษณะและความสามารถหรือพัฒนาการด้านต่างๆ ของเด็กปฐมวัยด้วย เช่น
    😻 ลักษณะทางกาย
          เด็กปฐมวัย มีร่างกายที่แข็งแรงกว่าเด็กทารกแต่ไม่แข็งแรงเท่าเด็กประถมหรือมัธยม การเลือกใช้สื่อควรเป็นสื่อที่ช่วยส่งเสริมและพัฒนาการใช้กล้ามเนื้อให้แข็งแรงขึ้น แต่ไม่ควรออกแรงมากเกินไป
    😻 ลักษณะทางอารมณ์
          เด็กปฐมวัยมีอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงง่าย ไม่รู้จักสะกดกลั้นอารมณ์ของตนเอง หรือควบคุมพฤติกรรม ควรหาสื่อที่เป็นรูปภาพหรือนิทานสอนใจเพื่อให้เด็กเห็นถึงประโยชน์ที่ได้รับจากการสะกดกลั้นอารมณ์
    😻 ลักษณะทางสังคม
          สังคมของเด็กวัยนี้ยังอยู่ในสังคมวงแคบ เด็กเริ่มรู้จักปรับตัวให้เข้ากับคนแปลกหน้าจำนวนมาก สื่อที่ใช้ควรเป็นสื่อที่ส่งเสริมให้เด็กอยู่ร่วมกัน รู้จักความร่วมมือแก่กันและมีความรับผิดชอบร่วมกัน เช่น สื่อประเภทกระดานหก ที่ต้องใช้ผู้เล่นอย่างน้อย 2 คน ถึงจะเล่นได้
    😻 ลักษณะทางสติปัญญา
          ลักษณะทางสติปัญญาของเด็กวัยนี้ ส่วนใหญ่กำลังสร้างจินตนาการและมีความคิดหรือเหตุผลในเชิงรูปธรรมมากกว่านามธรรม ครูควรใช้สื่อที่เป็นรูปธรรมชัดเจน กระตุ้นให้เด็กรู้จักจินตนาการในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อตนเองหรือสังคม


ความหมายและความสำคัญของการเล่นของเด็กปฐมวัย
    😻 เด็กแรกเกิดถึง 1 ขวบ เด็กวัยนี้จะเจริญเติบโตและมีพัฒนาการอย่างเป็นลำดับ นับจากเริ่มจ้องมองสิ่งของ เริ่มเคลื่อนไหวร่างกายไขว่คว้า ฝึกคืบคลาน กระทั่งตั้งไข่เกาะยืนและพยายามจะหัดเดินด้วยตนเองและหัดใช้นิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้หยิบของชิ้นเล็กๆ
    😻 วัย 1 - 2 ขวบ วัยนี้เด็กเคลื่อนไหวร่างกายได้มากขึ้นและเร็วขึ้น เด็กจะไม่หยุดนิ่งแต่จะปีนโน่นป่ายนี่อยู่ไม่หยุดและไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเด็กวัยนี้มีความอยากรู้อยากเห็น ซุกซนเพราะฉะนั้นผู้ใหญ่ต้องคอยช่วยเหลือใกล้ชิดโดยเฉพาะคอยระวังเรื่องอุบัติเหตุต่างๆ
    😻 วัย 2 – 3 ขวบ ช่วงนี้เด็กจะเริ่มสนใจที่จะเล่นกับเด็กอื่นๆและสามารถเล่นด้วยกันได้นาน ขณะเดียวกันเด็กวัยนี้เป็นวัยที่รู้จักโลกกว้างขวางขึ้น เด็กต้องการค้นพบสิ่งใหม่เป็นวัยของความเป็นตัวเอง
    😻 วัย 3 - 4 ขวบ เด็กวัยนี้เริ่มมองโลกกว้างมากขึ้น เป็นตัวของตัวเองมากขึ้นการได้ทำ กิจกรรมต่าง ๆ จะทำ ให้เด็กมองเห็นความสามารถของตนเองว่าเหมือนผู้ใหญ่จะทำให้เด็กเกิดความภูมิใจในตนเอง
    😻 วัย 4 - 5 ขวบ เด็กวัยนี้จะมีความคิดเห็นเป็นของตนเองมีความภาคภูมิใจในตนเอง เด็กวัยนี้จะเข้าใจภาษามากขึ้น กำลังฝึกการพูดเป็นประโยคยาวๆ เด็กสามารถช่วยตนเองได้ทุกอย่าง
    😻 วัย 5 - 6 ขวบ เด็กวัยนี้ชอบเล่นของเล่นที่ช่วยทำให้เกิดความคิดสร้างสรรค์จากสิ่งต่าง ๆ ชอบเล่นเลียนแบบชีวิตของผู้ใหญ่ชอบเล่นตั้งกฎเกณฑ์ต่างๆ ชอบเล่นใช้กำลัง


การเล่นของเด็กปฐมวัย
1. ความสำคัญและคุณค่าของการเล่น
    การเล่นเป็นปัจจัยที่สำคัญที่มีผลต่อการเจริญเติบโตของเด็ก การเล่นจะทำให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ พัฒนาทักษะด้านร่างกายและสังคม มีความเข้าใจสภาพความเป็นจริงของชีวิต และเพื่อให้เด็กได้รู้จักกฎ กติกาของการเล่น สอนให้เด็กได้เล่นร่วมกับเพื่อนอย่างมีความสุขฝึกฝนการใช้ภาษา การจัดการศึกษาปฐมวัยที่เอื้อให้เด็กเล่น จึงเป็นการที่ส่งเสริมพัฒนาการของเด็กทุกด้านอย่างแท้จริง
2.คุณลักษณะของสื่อสร้างสรรค์และการเล่น
    😻 สอดคล้องกับหลักสูตร แผนการจัดประสบการณ์เตรียมความพร้อม
    😻 เน้นให้เด็กได้ใช้สื่อและเล่นร่วมกัน เพื่อพัฒนาด้านสังคม
    😻 เหมาะสมกับวัยและความสามารถและความสนใจของเด็ก
3.ประเภทของสื่อสร้างสรรค์และเครื่องเล่น
    😻 บล็อก
    😻 เครื่องเล่นสัมผัส
    😻 เกมการศึกษา
    😻 ชุดฝึกทักษะการเคลื่อนไหว
    😻 หนังสือภาพนิทาน
    😻 หุ่นต่างๆ
    😻 ศิลปะสร้างสรรค์
    😻 ชุดฝึกทักษะพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์
    😻 เพลงและดนตรี
    😻 เล่นบทบาทสมมติหรือเลียนแบบชีวิตจริง
4.ประโยชน์ของการเล่น
    การเล่นช่วยให้เด็กเกิดการพัฒนาด้านต่างๆ ตัวอย่างเช่น ด้านร่างกาย จะช่วยให้เด็กมีร่างกายแข็งแรง สมบูรณ์เพิ่มทักษะ การใช้กล้ามเนื้อต่างๆ ด้านอารมณ์จะช่วยให้เด็กเป็นผู้มีอารมณ์แจ่มใส เบิกบาน สนุกสนาน ด้านสังคมจะช่วยเสริมสร้างให้เด็ก เป็นผู้ที่มีความเชื่อมั่นในตนเอง กล้าแสดงออก สามารถร่วมเล่นกับเพื่อนได้อย่างสร้างสรรค์และมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น
5.วิธีการส่งเสริมการเล่นของเด็กปฐมวัย
    😻 จัดหาสถานที่อุปกรณ์การเล่นที่เหมาะสมแก่วัยของเด็ก
    😻 ปล่อยให้เด็กเล่นอย่างอิสระตามความคิดและจินตนาการ
    😻 กระตุ้น ชี้แจง หรือแนะนำวิธีการเล่นใหม่ๆให้กับเด็ก
    😻 กล่าวคำชม
    😻 ผู้ใหญ่ควรช่างสังเกตและจดจำเกี่ยวกับการเล่นของเด็กเมื่อพบว่าเด็กสนใจในสิ่งใดเป็นพิเศษควรส่งเสริมความสนใจนั้นๆ


ความคิดสร้างสรรค์สำหรับเด็กปฐมวัย
     1. ความคิดริเริ่ม (Originality) เป็นลักษณะความคิดแปลกใหม่ แตกต่างจากควาลักษณะความคิดแปลกใหม่ แตกต่างจากความคิดธรรมดา หรือความคิดง่าย ๆ จากความคิดริเริ่ม พฤติกรรมด้านความคิดริเริ่มสำหรับเด็กปฐมวัย
        ลักษณะของบุคคลที่มีความคิดริเริ่ม สรุปจากการศึกษาค้นคว้าก็พบว่าคนที่มีความคิดริเริ่มมักไม่ชอบความจำเจ ซ้ำซาก แต่จะชอบปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงให้งานของเขามีชีวิตชีวา และมีความแปลกใหม่กว่าเดิม
     2. ความคิดคล่องตัว (Fluency) ปริมาณความคิดที่ไม่ซ้ำในเรื่องเดียวกัน โดยแบ่งออกเป็น
    😻 ความคิดคล่องแคล่วทางด้านถ้อยคำ (Word Fluency)
    😻ความคิดคล่องแคล่วทางด้านการโยงสัมพันธ์ (Associational Fluency)
    😻ความคล่องแคล่วทางด้านการแสดงออก (Expressional Fluency)
    😻ความคล่องแคล่วในการคิด (Ideational Fluency)
     3. ความคิดยืดหยุ่นหรือความยืดหยุ่นในการคิด (Flexibility)
    😻ความคิดยืดหยุ่นที่เกิดขึ้นทันที (Spontaneous Flexibility)
    😻ความคิดยืดหยุ่นทางด้านการดัดแปลง (Adaptive Flexibility)
     4. ความคิดละเอียดลออ (Elaboration) พัฒนาการของความละเอียดละออจะขึ้นอยู่กับอายุ กล่าวคือ เด็กที่มีอายุมากจะมีความสามารถด้านนี้มากกว่าเด็กอายุน้อย โดยเด็กหญิงจะมีความสามารถมากกว่าเด็กชายในด้านความละเอียดละออ และเด็กที่มีความสามารถสูงทางด้านความละเอียดละออจะเป็นเด็กที่มีความสามารถทางด้านการสังเกตสูงด้วย
            นอกจากนี้คุณครูปฐมวัยมีหน้าที่สำคัญในการส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ของเด็กปฐมวัย โดยลักษณะโดยทั่วไป หลักสูตรและวิธีสอน แลวิธีการสอนของครูแบบใช้ความคิดสร้างสรรค์ให้กับเด็กปฐมวัย

ประโยชน์ของสื่อสร้างสรรค์
1. หลักการเลือกสื่อสร้างสรรค์ ควรคำนึงถึง
    😻 ประโยชน์
    😻 ประหยัด
    😻 ประสิทธิภาพ
2. ประโยชน์ของการใช้สื่อสร้างสรรค์
3. ประโยชน์ของการใช้สื่อสร้างสรรค์ที่ส่งผลผู้สอน


การเรียนรู้ระดับปฐมวัย
    เด็กปฐมวัยจะเรียนรู้จากรูปธรรมไปหานามธรรม โดยผ่านการเล่นด้วยประสาทสัมผัสทั่ง 5 ครูผู้สอนเด็กปฐมวัยต้องมีใจรักเด็กอย่างจริงใจ อย่าเสแสร้ง จัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่เน้นเด็กเป็นสำคัญ เพื่อให้เด็กได้เรียนรู้อย่างมีความสุข กล้าคิด กล้าทำ กล้าแสดงออก มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์และจินตนาการเป็นของตนเอง เล่นร่วมกับเพื่อนทุกคนได้อย่างมีความสุข
1.การเรียนรู้เด็กปฐมวัยด้วยองค์ความรู้ด้านสมอง และทฤษฏีพหุปัญญา
    😻 ปัญญาทางด้านภาษา (Linguistic Intelligence)
    😻 ปัญญาด้านตรรกะและคณิตศาสตร์(Logical Mathematical Intelligence)
    😻 ปัญญาด้านร่างกายและการเคลื่อนไหว (Bodily Kinesthetic Intelligence)
    😻 ปัญญาด้านดนตรี(Music Intelligence)
    😻 ปัญญาด้านมิติสัมพันธ์(Spatial Intelligence)
    😻 ปัญญาด้านการเข้าใจตนเอง (Interpersonal Intelligence)
    😻 ปัญญาด้านมนุษย์สัมพันธ์(Intrapersonal Intelligence)
    😻 ปัญญาทางด้านความสัมพันธ์กับธรรมชาติ(Naturalist Intelligence)
2. ทฤษฎีทางพหุปัญญา (Mi Theory)
    😻 ปัญญามีลักษณะเฉพาะด้านจากการศึกษาเรื่องสมอง
    😻 ทุกคนมีปัญญาทั้ง 8 ด้าน
    😻 ทุกคนสามารถพัฒนาปัญญา
    😻 ปัญญาต่างๆ สามารถทำงานร่วมกัน
    😻 ปัญญาแต่ละด้านจะมีการแสดงความสามารถหลายทาง
3. ความสุข
    สิ่งที่ทุกคนปรารถนาเฝ้าเสาะแสวงหา ไขว่คว้า พากเพียรพยายามที่จะให้ตัวเอง และผู้เป็นที่รักได้พบได้ครอบครอง พ่อแม่อยากให้ลูกมีความสุข ครูอาจารย์ก็อยากเห็นลูกศิษย์ของตนร่าเริง แจ่มใส และมีความสุข
4. การประยุกต์กระบวนทัศน์ใหม่ทางการศึกษา ในการจัดการเรียนการสอนระดับปฐมวัย
    การพัฒนาให้เด็กเป็นคนที่เก่ง ดีและมีความสุข โดยอาศัยกระบวนการเรียนรู้ตามสภาพจริง (Authentic Learning) และกระบวนการประเมินตามสภาพจริง (Authentic Evaluation)
5. การเรียนรู้แบบลงมือกระทำ (Active Learning)
    การเรียนรู้แบบลงมือในการกระทำจะเกิดขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุดใน (Hohmannand Weikart,1995) โดยมีวิธีการดังนี้
    😻 การเลือกและตัดสินใจ
    😻 สื่อ
    😻 การใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 5
    😻 ภาษาจากเด็ก
    😻 การสนับสนุนจากผู้ใหญ่




    การใช้สื่อสร้างสรรค์หมายถึงสื่อการสอนที่ดีที่สามารถถ่ายทอดความรู้ประสบการณ์ ทัศนคติ แนวคิด และทักษะในการพัฒนาเด็กให้มีคุณภาพตามจุดมุ่งหมาย การวางแผนสร้างสรรค์สื่อการสอนหรือการปรับปรุงสื่อการสอนให้มีประสิทธิภาพและมีสภาพที่ดี
    และการสอนสำหรับเด็ก ต้องให้เหมาะสมกับลักษณะและความสามารถหรือพัฒนาการด้าน ร่างกาย สติปัญญา อารมณ์และจิตใจของเด็กปฐมวัยอีกทั้งยังต้องเน้นให้เด็กเป็นศูนย์กลาง ได้ฝึกปฏิบัติและเรียนรู้ด้วยตนเองให้มากที่สุด


    สุดท้ายแล้วอ.บาสก็ได้ให้นักศึกษาออกมานำเสนอบทความเกี่ยวกับสื่อการเรียนรู้สำหรับเด็กปฐมวัย โดยจะเรียงลำดับตาม Comment ในโพสที่อ.บาสได้เคยโพสไว้ ดังภาพ


    และนี้คือลิงค์บทความที่ตัวหนูได้นำเสนอไป ในหัวข้อบทความว่า โปรแกรมพัฒนาการใช้ภาษา 

    เนื่องจากมีนักศึกษาได้ทำการค้นคว้ามาจาก Blog มามากมาย อาจทำให้เกิดการซ้ำกัน หรือไม่ได้เกิดกาค้นคว้าด้วยตัวเอง แต่นำข้อมูลการค้นคว้าของคนอื่นมานำเสนอ ดังนั้น หากนักศึกษาคนไหนนำบทความที่เอามาเสนอ ไม่ได้นำมาจาก Blog จะได้ดาวไป 1 ดวง ดังภาพ


ภาพบรรยากาศภายในห้องเรียน





ประเมินอาจารย์ : อ.บาสสอนสนุกและเข้าใจง่ายมากค่ะ ในเรื่องของการติชมการนำเสนอของนักศึกษา อ.บาสติชมนักศึกษาได้ดีมากค่ะ สามารถนำไปปรับใช้กับการนำเสนอในครั้งอื่นได้ๆ

ประเมินเพื่อน : เพื่อนๆตั้งใจเนื้อหาที่อ.บาสได้สอน แล้วตั้งใจเตรียมตัวมานำเสนอ ตั้งใจสิ่งที่เพื่อนคนอื่นนำเสนอค่ะ 

ประเมินตัวเอง : ตั้งใจฟังในสิ่งที่อ.บาสสอนค่ะ ให้ความร่วมมือในการเรียน และตั้งใจนำเสนอบทความที่ได้ศึกษาค้นคว้ามาค่ะ♥

ʕ ·ᴥʔ ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมชม Blog ของดิฉัน ʕᴥ· ʔ

✿♥‿♥✿ หวังว่า Blog วิชา การอบรมเลี้ยงดูเด็กปฐมวัย ของดิฉัน 

จะสามารถเป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านทุกท่านนะคะ ✿♥‿♥✿

วันจันทร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2561

การเรียนการสอนครั้งที่ 2

วันอังคาร ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2561

    การเรียนการสอนในครั้งนี้เริ่มเวลา 9.00น. พอนักศึกษาเข้ามาภายในห้องเรียนแล้ว อ.บาสก็ได้สอบถามถึงเรื่องรับน้องต่างๆ ก็กินเวลาไปนานมากแล้ว อ.บาสจึงสอนอย่างรวดเร็วเพื่อให้ทันเวลานักศึกษาต้องไปเรียนคาบต่อไป เป็น70กว่าสไลด์ที่เข้าใจง่ายและรวดเร็วมากค่ะ


    พูดบรรยากาศภายในห้องเรียนอย่างคร่าวๆไปกันแล้ว ต่อไปนี้หนูขอเสนอเนื้อหาที่หนูได้เรียนภายในวันนี้ค่ะ 

บทที่ 1
ธรรมชาติการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัย

รูปภาพที่เกี่ยวข้อง

ธรรมชาติและการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัย
    วัยเด็กตอนต้นหรือช่วงปฐมวัยเป็นช่วงวัยที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ในการอบรมเลี้ยงดูควรให้ความสนใจและให้ความสำคัญ เพราะเป็นช่วงวัยที่มีความสำคัญที่สุด ต่อการวางรากฐานของชีวิตมนุษย์ เป็นวัยแห่งการก่อเกิดพื้นฐานด้านบุคลิกภาพ ลักษณะนิสัย ความสามารถทางสติปัญญา และความสามารถด้านต่าง ๆ การเข้าใจธรรมชาติและการเรียนรู้

ธรรมชาติของเด็กปฐมวัย
1. ลักษณะของการยึดตนเองเป็นศูนย์กลาง
2. มีความสามารถในขอบเขตจำกัดและแตกต่างกัน
3. ต้องการการเอาใจใส่ดูแลทั้งด้านร่างกายและจิตใจ
4. เป็นวัยที่ชอบอิสระ
5. ชอบแสดงออกและต้องการการยอมรับ
6. ชอบเล่น
7. มีช่วงความสนใจสั้น เด็กปฐมวัย มีธรรมชาติต่างกัน...
     😻 บางคนเหมือน รถเข็น จำต้องมีคนคอยเข็ญจึงจะเคลื่อน
     😻 บางคนเหมือน เรือแคนู จำต้องมีคนพาย
     😻 บางคนเหมือน ว่าว ถ้าไม่มีคนถือสายป่าย ก็จะลอยจากไป
     😻 บางคนเหมือน ลูกแมว จะพอใจยิ่งขึ้นถ้าได้รับการลูบไล้
     😻 บางคนเหมือน รถลาก จะใช้ประโยชน์ไม่ได้นอกเสียจากจะมีการลาก
     😻 บางคนเหมือน ลูกบอลลูน อัดแน่นด้วยลม และคอยแต่จะลอยขึ้น
    เพราะความแตกต่างนี้ ทำให้เราในฐานะครูปฐมวัยที่ต้องจัดทำสื่อการสอนให้สอดคล้องกับเด็กและสามารถนำไปใช้กับเด็กได้อย่างถูกต้องและตรงจุด
การเรียนรู้ของเด็กปฐมวัย

ลักษณะการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัย
1. การเรียนรู้จากประสบการณ์ตรง เป็นการเรียนรู้ที่เด็กได้พบหรือสัมผัสกับประสบการณ์ จากสภาพแวดล้อมโดยการกระทำ การรับรู้ การพบเห็นด้วยตนเอง
2. การเรียนรู้จากประสบการณ์ทางอ้อม เป็นการเรียนรู้จากการบอกเล่าของบุคคลต่าง ๆ คนใกล้ชิด
ญาติผู้ใหญ่ หรือจากหนังสือ การสังเกตจากตัวแบบ การเลียนแบบ การบอกเล่าให้ฟังจะทำให้เด็กสร้างภาพขึ้นในสมองของตนแทนการเห็นของจริง ธรรมชาติของการเรียนรู้การเรียนรู้เป็นกระบวนการซึ่งมีขึ้นตอน ดังนี้
     😻 มีสิ่งเร้ามาเร้าผู้เรียน
     😻 ผู้เรียนรับรู้สิ่งเร้า
     😻 ผู้เรียนแปลความหมายของสิ่งเร้าที่รับรู้
     😻 ผู้เรียนมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อสิ่งเร้าตามที่รับรู้และแปลความหมาย
     😻 ผู้เรียนสังเกตผลที่เกิดขึ้น


ธรรมชาติและการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัย
    โดยธรรมชาติของเด็กปฐมวัยรูปแบบของพัฒนาการทางร่างกาย อารมณ์ สังคม และสติปัญญา รวมทั้งการปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมและเสาะแสวงหาประสบการณ์ จะมีลักษณะที่คล้ายคลึงกันเกือบทุกชาติ ทุกเผ่าพันธุ์ หากแต่สภาพแวดล้อมทั้งทางกายภาพและจิตภาพที่แวดล้อมรอบตัวเด็กนั่นเอง ที่ทำให้อัตราการพัฒนาช้า-เร็วแตกต่างกัน
การจำแนกลักษณะการเรียนรู้ของเด็ก
     ลักษณะที่ 1 การเรียนรู้โดยสัญชาตญาณ
     ลักษณะที่ 2 เป็นการเรียนรู้จากการช่วยเหลือจากพ่อแม่
     ลักษณะที่ 3 การเรียนรู้จากโปรแกรมการพัฒนาพฤติกรรมอย่างมีระบบ

รูปแบบการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัย
1. การเรียนรู้โดยใช้ความสามารถในการใช้สายตา เป็นการเรียนรู้ที่เด็กสามารถเปรียบเทียบด้วยสายตา ด้วยการมองเห็นความต่างความ
เหมือน สี ขนาด รูปร่าง และเป็นการเรียนรู้ที่เกิดจากการทำงาน
ประสานสัมพันธ์ของสายตาและกล้ามเนื้อมือ
2. การเรียนรู้โดยการได้ยิน ได้ฟัง จากการได้ยินได้ฟังเสียงจากที่ต่างๆ หรือจากบุคคล เด็กจะสามารถรู้ที่มาของเสียง สามารถแยกความ
เหมือนความต่างของเสียงได้
3. การเรียนรู้โดยการใช้ส่วนต่างๆ ของร่างกาย ในการเคลื่อนไหวส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ของกล้ามเนื้อ

กระบวนการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัย
    การเรียนรู้เป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นตลอดเวลาในช่วงชีวิตของแต่ละคน และช่วงปฐมวัยเป็นช่วงที่มนุษย์สามารถเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ได้ดี โดยพัฒนาการการเรียนรู้ของเด็กสามารถพัฒนาได้สูงสุด เป็นโอกาสทองของการเรียนรู้ของมนุษย์ และเป็นช่วงวัยที่สมองกำลังไวต่อสิ่งกระตุ้น (Sensitive)
    เมื่อเด็กอายุมากขึ้นเด็กจะมีพัฒนาการในการเรียนรู้เพิ่มขึ้นด้วย โดยเด็กปฐมวัยที่มีอายุ 3 - 6 ปีจะมีวิธีเรียนรู้ที่ซับซ้อนมากขึ้นกว่ากลุ่มอายุ 2 - 3 ปี สังเกตได้จากการสัมผัสสิ่งต่างๆแล้ว เด็กใช้การคิด การจินตนาการ การค้นคว้าและลงมือปฏิบัติเพื่อค้นหาสิ่งที่ตนอยากเห็นอยากรู้

ทักษะการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัย
1. ทักษะการเรียนรู้ของเด็กอายุ 2-3 ปี
     😻 มีปฏิกิริยาโต้ตอบง่าย ๆ ได้
     😻 ดูหนังสือภาพแล้วเรียกชื่อสิ่งที่ดูหรือเห็นจากภาพได้
     😻 จับคู่สิ่งของได้ โดยรู้ความสัมพันธ์กัน
     😻 เริ่มเรียนรู้ขนาดใหญ่-เล็ก
     😻 จับภาพหน้าตาส่วนต่าง ๆ ของตนได้ (ภาพหรือส่องกระจก)
     😻 บอกได้ว่ากำลังทำอะไรอยู่
     😻 เริ่มชอบเลียนแบบการทำงานของผู้ใหญ่
     😻 มีช่วงความสนใจระยะสั้น ๆ เริ่มเรียนรู้และเริ่มเข้าใจสิ่งที่ผู้ใหญ่ชี้แนะ/บอก
     😻 เริ่มเข้าใจส่วนย่อย ๆ และส่วนรวมของสิ่งที่นำมารวมกัน
2. ทักษะการเรียนรู้ของเด็กอายุ 3-4 ปี
     😻 สามารถจำสี จับคู่สีเหมือนกันได้มากกว่า 3 สี
     😻 สามารถเข้าใจเปรียบเทียบขนาด ใหญ่ กลาง เล็กได้
     😻 วาดภาพอย่างมีความหมาย และบอกชื่อภาพได้
     😻 ชอบซักถามว่า ทำไม . . . .
     😻 บอกชื่อ-นามสกุลได้ เมื่อได้รับการสอนให้จำ
     😻 มีความสนใจช่วงระยะสั้น ๆ พยายามเรียนรู้และเข้าใจสิ่งที่ผู้ใหญ่บอก/สอน และอาจหยุดความสนใจได้ง่าย ๆ
     😻 มีความเข้าใจเรื่องความคิดรวบยอด/มโนทัศน์ง่าย ๆ
     😻 เริ่มเข้าใจความหมายของเวลาคร่าว ๆ เช่น เมื่อเช้านี้ เมื่อวานนี้เป็นต้น
3.ทักษะการเรียนรู้ของเด็กอายุ 4-5 ปี
     😻 สามารถพูดตามเป็นคำสัมผัส ท่องคำสัมผัส และสนุกกับคำที่ออกเสียงซ้ำๆ สัมผัสเสียงและจังหวะ
     😻 ชี้บอกชื่อสีได้ตั้งแต่ 4-6 สี
     😻 จับคู่สิ่งของที่ใช้ด้วยกัน หรือสิ่งของประเภทเดียวกันได้
     😻 วาดภาพคนโดยมีส่วนต่าง ๆ ของคน ตั้งแต่ 2-6 ส่วน
     😻 และเปรียบเทียบส่วนต่าง ๆของร่างกายได้
     😻 วาดภาพและบอกชื่อภาพที่วาดได้
     😻 บอกชื่อสถานที่ที่บ้านตนตั้งอยู่ได้
     😻 มีช่วงความสนใจยาวขึ้น
     😻 มีความสนใจในความคิดรวบยอด/มโนทัศน์ดีขึ้น
4.ทักษะการเรียนรู้ของเด็กอายุ 5-6 ปี
     😻 สามารถเล่าทวนเรื่องที่ได้ยินให้ฟังได้
     😻 ออกชื่อตัวพยัญชนะ ตัวเลขที่ตนจำได้ อ่านได้
     😻 นับเลข เข้าใจความหมาย สัญลักษณ์ตัวเลขถึง 10
     😻 จัดประเภท แยกสิ่งของที่มีคุณลักษณะแตกต่างกันได้
     😻 รู้จักความหมายของการบอกเวลาได้ชัดเจนถูกต้อง เช่น เมื่อวานนี้ วันนี้ พรุ่งนี้
     😻 จับอุปกรณ์เครื่องไม้เครื่องมือได้ถนัด
     😻 มีความสนใจมากขึ้น อดทนเพราะอยากรู้จริง
     😻 มีความเข้าใจในความคิดรวบยอดดี เข้าใจเหตุการณ์ เหตุ และผล ของสิ่งที่เกิดขึ้นได้

แนวคิดของการเรียนรู้
การเรียนรู้
     กระบวนการที่ทำให้คนเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม ความคิด คนสามารถเรียนได้จากการได้ยินการสัมผัส การอ่าน การใช้เทคโนโลยี การเรียนรู้ของเด็กและผู้ใหญ่จะต่างกัน เด็กจะเรียนรู้ด้วยการเรียนในห้อง การซักถาม ผู้ใหญ่มักเรียนรู้ด้วยประสบการณ์ที่มีอยู่ แต่การเรียนรู้จะเกิดขึ้นจากประสบการณ์ที่ผู้สอนนำเสนอ โดยการปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้สอนและผู้เรียน ผู้สอนจะเป็นผู้ที่สร้างบรรยากาศทางจิตวิทยาที่เอื้ออำนวยต่อการเรียนรู้


การเรียนรู้ตามทฤษฎีของนักจิตวิทยา

1.การเรียนรู้ตามทฤษฎีของ BLOOM (BLOOM'S TAXONOMY)
    Bloom ได้แบ่งการเรียนรู้ออกเป็นสามด้านคือ ด้านสติปัญญา ด้านร่างกาย และด้านจิตใจ โดยนำหลักการนี้จำแนกเป็นจุดมุ่งหมายทางการศึกษาเรียกว่า Taxonomy of Educational objectives ซึ่งถ้าจำแนกเป็นจุดมุ่งหมายทางการศึกษาเราแบ่งเป็นด้านพุทธิพิสัย จิตพิสัย ทักษะพิสัย ดังนี้
การเรียนรู้ตามทฤษฎีของ bloom's taxonomy
ด้านร่างกาย
ด้านอารมณ์ จิตใจ และสังคม
ด้านสติปัญญา

1.1 พุทธิพิสัย (Cognitive Domain) 
    คือ พฤติกรรมด้านสติปัญญาและความคิด โดยได้แบ่งระดับการเรียนรู้ออกเป็น 6 ระดับ ประกอบด้วย
     😻ความรู้ (Knowledge) เป็นความสามารถในการจดจำแนกประสบการณ์ต่างๆ และระลึกเรื่องราวนั้นๆ ออกมาได้ถูกต้องแม่นยำ
     😻ความเข้าใจ (Comprehension) เป็นความสามารถบ่งบอกใจความสำคัญของเรื่องราวโดยการแปลความหลัก ตีความได้ สรุปใจความสำคัญได้ ซึ่งเป็นระดับล่างสุด
     😻การนำความรู้ไปประยุกต์ (Application) เป็นความสามารถในการนำหลักการ กฎเกณฑ์และวิธีดำเนินการต่างๆของเรื่องที่ได้รู้มา นำไปใช้แก้ปัญหาในสถานการณ์ใหม่ได้
     😻การวิเคราะห์ (Analysis) เป็นความสามารถในการแยกแยะเรื่องราวที่สมบูรณ์ให้กระจายออกเป็นส่วนย่อยๆ ได้อย่างชัดเจน
     😻การสังเคราะห์ (Synthesis) เป็นความสามารถในการผสมผสานส่วนย่อยเข้าเป็นเรื่องราวเดียวกัน
     😻การประเมินค่า (Evaluation) เป็นความสามารถในการวินิจฉัย   หรือตัดสินกระทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดลงไป
1.2 จิตพิสัย (Affective Domain) (พฤติกรรมด้านจิตใจ)
    คือ พฤติกรรมด้านจิตใจจะประกอบด้วย พฤติกรรมย่อยๆ 5 ระดับ ได้แก่
     😻การรับรู้
     😻การตอบสนอง
     😻การเกิดค่านิยม
     😻การจัดระบบ
     😻บุคลิกภาพ
1.3 ทักษะพิสัย (Psychomotor Domain) (พฤติกรรมด้านกล้ามเนื้อประสาท)
    คือ พฤติกรรมด้านกล้ามเนื้อประสาท พฤติกรรมที่บ่งถึงความสามารถในการปฏิบัติงานได้อย่างคล่องแคล่วชำนิชำนาญ ซึ่งแสดงออกมาได้โดยตรงโดยมีเวลาและคุณภาพของงานเป็นตัวชี้ระดับของทักษะประกอบด้วย 5 ขั้น ดังนี้
     😻การรับรู้
     😻กระทำตามแบบ
     😻การหาความถูกต้อง
     😻การกระทำอย่างต่อเนื่องหลังจากตัดสินใจ
     😻การกระทำได้อย่างเป็นธรรมชาติ

2.การเรียนรู้ตามทฤษฎีของเมเยอร์ (MAYOR)
    ในการออกแบบสื่อการเรียนการสอน การวิเคราะห์มีความจำเป็นและเป็นสิ่งสำคัญ และตามด้วยจุดประสงค์ของการเรียน โดยแบ่งออกเป็น 3 ส่วนย่อย ๆ ด้วยกัน ประกอบด้วย
     😻 พฤติกรรมควรชี้ชัดและสังเกตได้
     😻 เงื่อนไขพฤติกรรมสำเร็จได้ควรมีเงื่อนไขในการช่วยเหลือ
     😻 มาตรฐาน พฤติกรรมที่ได้นั้นสามารถอยู่ในเกณฑ์ที่กำหนด

3.การเรียนรู้ตามทฤษฎีของบรูเนอร์ (BRUNER)
     😻 ความรู้ถูกสร้างหรือหล่อหลอมโดยประสบการณ์
     😻 ผู้เรียนมีบทบาทรับผิดชอบในการเรียน
     😻 ผู้เรียนเป็นผู้สร้างความหมายขึ้นมาจากแง่มุมต่าง ๆ
     😻 ผู้เรียนอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เป็นจริง
     😻 ผู้เรียนเลือกเนื้อหาและกิจกรรมเอง ซึ่งเนื้อหาควรถูกสร้างในภาพรวม

4.การเรียนรู้ตามทฤษฎีของไทเลอร์ (TYLOR)
4.1ความต่อเนื่อง (continuity) คือ ในวิชาทักษะ ต้องเปิดโอกาสให้มีการฝึกทักษะในกิจกรรมและประสบการณ์บ่อยๆ และต่อเนื่องกัน
4.2การจัดช่วงลำดับ (sequence) คือ  การจัดสิ่งที่มีความง่าย ไปสู่สิ่งที่มีความยาก ดังนั้นการจัดกิจกรรมและประสบการณ์ ให้มีการเรียงลำดับก่อนหลัง เพื่อให้ได้เรียนเนื้อหาที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
4.3บูรณาการ (integration) คือ การจัดประสบการณ์ควรเป็นในลักษณะที่ช่วยให้ผู้เรียน ได้เพิ่มพูนความคิดเห็นและได้แสดงพฤติกรรมที่สอดคล้องกัน เนื้อหาที่เรียนเป็นการเพิ่มความสามารถทั้งหมด ของผู้เรียนที่จะได้ใช้ประสบการณ์ได้ในสถานการณ์ต่างๆ กัน ประสบการณ์การเรียนรู้ จึงเป็นแบบแผนของปฏิสัมพันธ์ (interaction) ระหว่างผู้เรียนกับสถานการณ์ที่แวดล้อม

5. ทฤษฎีการเรียนรู้ 8 ขั้น ของกาเย่ (GAGNE)
     😻 การจูงใจ (Motivation Phase)
     😻 การรับรู้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ (Apprehending Phase)
     😻 การปรุงแต่งสิ่งที่รับรู้ไว้เป็นความจำ ( Acquisition Phase)
     😻 ความสามารถในการจำ (Retention Phase)
     😻 ความสามารถในการระลึกถึงสิ่งที่ได้เรียนรู้ไปแล้ว (Recall Phase)
     😻 การนำไปประยุกต์ใช้กับสิ่งที่เรียนรู้ไปแล้ว (Generalization Phase)
     😻 การแสดงออกพฤติกรรมที่เรียนรู้ ( Performance Phase )
     😻 การแสดงผลการเรียนรู้กลับไปยังผู้เรียน (Feedback Phase)


พัฒนาการของเด็กปฐมวัย
    เด็กปฐมวัย เป็นวัยพื้นฐานในการเตรียมความพร้อมที่จะก้าวเข้าสู่การพัฒนาของชีวิต เด็กจะเริ่มพัฒนาลักษณะความเป็นตัวของตัวเอง ให้ความสนใจในสิ่งรอบตัว และชอบตั้งคำถามในเรื่องต่าง ๆ เด็กจะพยายามและต้องการช่วยเหลือตนเอง

ความหมายของพัฒนาการ
     😻 วอร์ทแมน และลอฟทัส (Wortrman and Loftus, 1992,) อธิบายว่า พัฒนาการเป็นแบบแผนการเจริญเติบโตและเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมทุกด้านของบุคคลนับตั้งแต่กำเนิดชีวิตจนถึงวัยชรา
     😻 รักตวรรณ ศิริถาพร (2548) ได้กล่าวว่า พัฒนาการเป็นการเปลี่ยนแปลงที่เชื่อมโยงกันไปในทุก ๆ ด้าน ของมนุษย์ นับตั้งแต่ปฏิสนธิจนกระทั่งตายซึ่งมีทิศทางการเปลี่ยนแปลงที่แน่นอน และสามารถทำนายได้
     😻 กระบวนการของการเจริญเติบโตที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นระบบระเบียบ ต่อเนื่องตามลำดับขั้นนำไปสู่การพัฒนาทางคุณภาพ พัฒนาการของมนุษย์เป็นการเปลี่ยนแปลงทางด้านการเจริญเติบโต ควบคู่กับการพัฒนาทางคุณภาพ อารมณ์ สติปัญญาและสังคม

ลักษณะของพัฒนาการ
    ลักษณะของพัฒนาการ คือการเข้าใจวิถีชีวิตในวัยเด็กตั้งแต่แรกเกิดถึงอายุ 6 ปี
     😻 พัฒนาการเป็นกระบวนการที่ต่อเนื่องกัน
     😻 การพัฒนาจะมีทิศทางของพัฒนาการที่แน่นอน
     😻 การพัฒนาจะมีทิศทางของพัฒนาการที่แน่นอน
     😻 พัฒนาการเริ่มจากส่วนบนไปสู่ส่วนล่าง (Cephalo - caudal direction)
     😻 พัฒนาการเริ่มจากแกนกลางของลำตัว ไปสู่อวัยวะส่วนข้างที่ไกลออกไป (Proximo distal direction)
     😻 พัฒนาการจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างมีแบบแผนและเป็นขั้นตอนไม่มีการข้ามขั้น
     😻 อัตราพัฒนาการของเด็กแต่ละคนจะแตกต่างกัน
     😻 ความก้าวหน้าของพัฒนาการ
     😻 พัฒนาการจะมีความสัมพันธ์กัน
     😻 พัฒนาการส่วนต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นของร่างกายมีอัตราในการพัฒนาไม่เท่ากัน
     😻 พัฒนาการของเด็กแต่ละวัยจะมีลักษณะเฉพาะ
     😻 พัฒนาการของมนุษย์มีความแตกต่างกัน

ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพัฒนาการเด็กปฐมวัย
1. บุคคลภายในครอบครัว ประกอบด้วยพ่อ แม่พี่น้อง หรือญาติใกล้ชิดที่มีส่วนเกี่ยวข้อง
2. บุคคลภายนอกครอบครัว ประกอบด้วยผู้ดูแลเด็ก ครู เพื่อน ๆ ตลอดจนอิทธิพลของสังคมโดยผ่านสื่อต่าง ๆ
    พัชรี สวนแก้ว (2536) ได้กล่าวถึงปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพัฒนาการของเด็กไว้ดังนี้
     😻 อาหาร
     😻 อากาศที่บริสุทธิ์และแสงแดด
     😻 เชื้อชาติ
     😻 เพศ
     😻 ต่อมต่าง ๆ ของร่างกาย
     😻 สติปัญญา
     😻 การบาดเจ็บและโรคภัยไข้เจ็บ
     😻 ตำแหน่งในครอบครัว        

การจัดกิจกรรมเพื่อการพัฒนาเด็กปฐมวัย
1. กิจกรรมที่จัดควรคำนึงถึงตัวเด็กเป็นสำคัญ
2. กิจกรรมที่จัดควรมีทั้งกิจกรรมที่ให้เด็กทำเป็นรายบุคคล กลุ่มย่อยและกลุ่มใหญ่
3. กิจกรรมที่จัดควรมีความสมดุล
4. ระยะเวลาในการจัดกิจกรรมควรเหมาะสมกับวัย
5. กิจกรรมที่จัดควรเน้นให้มีสื่อของจริงให้เด็กได้มีโอกาสสังเกต
    นอกจากนี้การจัดกิจกรรมควรยึดหลักพัฒนาการและคุณลักษณะตามวัยของเด็กปฐมวัย  ตามสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน 2550 ดังนี้






                                       
ลักษณะการจัดกิจกรรมผ่านการเล่น
     😻 กิจกรรมเสรี เป็นกิจกรรมที่เปิดโอกาสให้เด็กเล่นตามมุมการเล่นหรือมุมประสบการณ์หรือศูนย์การเรียนที่จัดไว้ภายในห้องเรียน
     😻 กิจกรรมสร้างสรรค์ เป็นกิจกรรมที่ช่วยเด็กให้แสดงทางอารมณ์ ความรู้สึก ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์และจินตนาการโดยใช้ศิลปะ
     😻 กิจกรรมการเคลื่อนไหวและจังหวะ เป็นกิจกรรมที่จัดให้เด็กได้พัฒนาทักษะด้านร่างกาย ฝึกกระบวนการทำงานของสมอง
     😻 กิจกรรมเสริมประสบการณ์ เป็นกิจกรรมที่มุ่งเน้นให้เด็กได้พัฒนาทักษะการเรียนรู้ฝึกการ ทำงานและอยู่ร่วมกันเป็นกลุ่มทั้งกลุ่มย่อยและกลุ่มใหญ่ กิจกรรมที่จัดมุ่งฝึกให้เด็กได้มีโอกาส ฟัง พูด สังเกต คิด แก้ปัญหาใช้เหตุผลและฝึกปฏิบัติ
     😻 กิจกรรมกลางแจ้ง เป็นกิจกรรมที่จัดให้เด็กได้มีโอกาสออกไปนอกห้องเรียนเพื่อออกกำลังเคลื่อนไหวร่างกายและแสดงออกอย่างอิสระ
     😻 เกมการศึกษา เป็นเกมการเล่นที่ช่วยพัฒนาสติปัญญามีกฎเกณฑ์กติกาง่าย ๆ เด็กสามารถเล่นคนเดียวหรือเล่นเป็นกลุ่มได้

การจัดกิจกรรมการเล่นสำหรับเด็กปฐมวัย
ลักษณะพฤติกรรมการเล่นของเด็กปฐมวัย
     😻 พฤติกรรมการเล่นของเด็กวัย 0 – 1 ปี เด็กวัยนี้ในช่วงแรกเกิด - 3 เดือน จะยังไม่สนใจกับการเล่นมากนัก แต่เด็กจะเริ่มพัฒนาประสาทสัมผัสการมองเห็นและได้ยิน การแขวนของเล่นที่สดใสที่แกว่งไกวแล้วมีเสียงกรุ๋งกริ๋งช่วยให้เด็กกรอกสายตา ฝึกการมองเห็นและการฟังได้สังเกตความเคลื่อนไหว
     😻 พฤติกรรมการเล่นของเด็กวัย 1 - 2 ปี ปีเด็กวัยนี้เริ่มเดินได้เองบ้างแม้จะไม่มั่นคงนัก แต่ก็ชอบเกาะเครื่องเรือนเดินจากที่หนึ่งไปยังอีกทีหนึ่งทำให้ได้เรียนรู้ถึงระยะทาง และฝึกการเคลื่อนไหวกล้ามเนื้อต่าง ๆ
     😻 พฤติกรรการเล่นของเด็กวัย 2 - 4 ปี เด็กวัยนี้อยากรู้อยากเห็นทุกสิ่งทุกอย่าง เด็กเคลื่อนไหวได้คล่องขึ้น และทรงตัวได้ดี เพราะกล้ามเนื้อแขนขาแข็งแรงมากขึ้น ทำให้ชอบเล่นที่ออกแรงมากๆ
     😻 พฤติกรรมการเล่นของเด็กวัย 4-6 ปี เด็กวัยนี้มีความพร้อมในด้านต่าง ๆ มากขึ้น มีการเคลื่อนไหวของร่างกายคล่องแคล่วขึ้นชอบเล่นกลางแจ้งกับเครื่องเล่นสนาม

การจัดกิจกรรมการเล่นที่เหมาะสมกับเด็กปฐมวัย
     😻 กิจกรรมการเล่นของเล่นสำหรับเด็กวัย 0 - 1 ปี เด็กวัยนี้จะเรียนรู้จากการกระตุ้นประสาทสัมผัสให้เกิดการรับรู้และตอบสนองสิ่งเร้ารอบตัวจากผู้อยู่ใกล้ชิด
     😻 กิจกรรมการเล่นและของเล่นสำหรับเด็ก 1 - 2 ปี เด็กวัยนี้จะเรียนรู้จากการใช้ประสาทสัมผัสในการรับรู้ และมีการกระทำซ้ำ ๆ แบบลองผิดลองถูกกับส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย กิจกรรมการเล่นที่ควรจัดให้การเล่นสำรวจที่ใช้ประสาทสัมผัส และการเคลื่อนไหวอวัยวะต่าง ๆ
     😻 กิจกรรมการเล่นและของเล่นสำหรับเด็กวัย 2 - 4 ปี เด็กวัยนี้จะเรียนรู้จากการสังเกต เลียนแบบและซักถามทำความรู้จักกับสิ่งต่างๆ รอบตัวจากผู้ใหญ่
   😻 กิจกรรมการเล่นและของเล่นสำหรับเด็กวัย 4 - 6 ปี เด็กวัยนี้จะเรียนรู้จากการใช้ภาษาสื่อความหมายความเข้าใจกับผู้อื่น และการใช้เหตุผลในการทำความเข้าใจกับสิ่งต่างๆ 

ประโยชน์ของการจัดกิจกรรม
    เด็กปฐมวัย เป็นวัยที่ต้องการออกมาสัมผัสกับโลกภายนอกมากขึ้นเริ่มมีสังคมนอกบ้าน เด็กจะเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ รอบตัวด้วยความกระตือรือร้น อยากรู้อยากเห็น และมักมีจินตนาการ ของตนเอง เด็กจะเรียนรู้ภาษาและคำพูดได้เร็ว ชอบเลียนแบบในขณะเดียวกันก็ต้องการอิสระ อยากพึ่งตนเอง และต้องการทำกิจกรรมต่าง ๆ ด้วยตนเอง กิจกรรมของเด็กปฐมวัยจึง มีความสำคัญมาก


ภาพบรรยากาศภายในห้องเรียน





ประเมินอาจารย์ : ครั้งในอ.บาสทำหน้าที่ที่ปรึกษาดีมากค่ะ ในเรื่องของรับน้องและการลงทะเบียน จ่ายค่าเทอมต่างๆ รวมถึงสกิลการสอนแบบเดอะ เฟลช ที่ไม่ได้มีดีที่ความไว แต่ยังสามารถทำให้นักศึกษาเข้าใจได้อีกด้วย
ประเมินเพื่อน : เพื่อนๆนักศึกษายังคงงอแงเก่ง5555 เกรี้ยวกราดเก่ง กล้าถามและปรึกษาปัญหาต่างๆกับอ.บาส แต่พอเข้าสู่เนื้อหาการเรียน ก็มีบางส่วนที่ตั้งหน้าตั้งตาจด บางส่วนก็หลับบ้าง เล่นโทรศัพท์บ้าง แต่เวลาอ.บาสต้องการคำตอบเกี่ยวกับเนื้อหาเพื่อนๆก็สามารถตอบได้ค่ะ 
ประเมินตัวเอง : ยังคงเข้าเรียนทันเหมือนครั้งก่อนค่ะ ไก่เขียวยังคงเป็นของหนูอยู่ อาจจะมีท้ายๆคาบที่ไม่สนใจเรียน เพราะง่วงค่ะ พักผ่อนไม่พอ แต่ต้นคาบสนใจเรียนมากๆเลยนะคะ ครั้งต่อไปจะตั้งใจเรียนให้ดีกว่านี้ค่ะ💓



ʕ ·ᴥʔ ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมชม Blog ของดิฉัน ʕᴥ· ʔ

✿♥‿♥✿ หวังว่า Blog วิชา การอบรมเลี้ยงดูเด็กปฐมวัย ของดิฉัน 

จะสามารถเป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านทุกท่านนะคะ ✿♥‿♥✿